ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 ช่วงที่ความเคลื่อนไหวทางด้านสังคม แล้วก็วัฒนธรรมครั้งสำคัญ ในหน้าประวัติศาสตร์ของอังกฤษในช่วง รัชสมัยพระเจ้าจอร์จที่สี่ (King George IV) ที่ต่อเนื่องกันระหว่างยุคจอร์เจียน รวมทั้งสมัยวิคตอเรียน เป็นจุดกำเนิดของสมัย “รีเจนซี่” (Regency Era) ยุคทองทางศิลปวัฒนธรรม สุนทรีย์นิยม ที่รุ่งโรจน์สดชื่นขึ้นที่ถัดมาได้เปลี่ยนเป็นความมั่งคั่งร่ำรวย เต็มไปด้วยบริบททางอารยธรรมที่สะดุดตานานาประการ
ความน่าดึงดูดใจของยุคนี้เป็นประตูสู่ ยุคสมัยใหม่ (Modern Age) ที่ขัดเกลาความสงบแบบสมัยคลาสสิค แล้วก็ความล้ำยุคเข้าไว้ร่วมกันอย่างพอดี
Classical revival
ในขณะที่อาคารรีเจนซี่หลายแห่งทำหน้าที่ทางศาสนา การศึกษา ธุรกิจ และวัตถุประสงค์ทางการอื่น ๆ รูปแบบนี้ยังเกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัยของชนชั้นสูงและชนชั้นกลางในยุคนั้นด้วย ในช่วงสมัยรีเจนซี่ บ้านมักจะสร้างด้วยอิฐด้วยการเพิ่มคุณสมบัติในการตกแต่ง นี่คือสิ่งที่แยกพวกเขาออกจากชาวจอร์เจียซึ่งโดยทั่วไปไม่มีการตกแต่งและมีอาคารแบนที่มีหน้าต่างและประตูที่ด้านหลังจากด้านหน้า
![ทาวน์เฮาส์ในไบรตัน](https://tonsilparchitect.com/wp-content/uploads/2021/09/RegencyHouse-2-1-700x1190.jpg)
รูปแบบหนึ่งของสถาปัตยกรรมสไตล์รีเจนซี่มีความโดดเด่นด้วยการรักษาสถาปัตยกรรมฟื้นฟูคลาสสิกแบบจอร์เจียตอนปลาย สถาปัตยกรรมรีเจนซี่ในสไตล์นีโอคลาสสิกได้รับการอธิบายว่าเป็นความสง่างามอย่างประณีต โดยผสมผสานสัดส่วนสมมาตรที่เรียบง่ายและองค์ประกอบของสถาปัตยกรรมกรีกและโรมัน
บ้านแถว Regency (หรือบ้านระเบียง) ที่สร้างขึ้นในช่วงเวลานี้ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยมีสัดส่วนที่สมมาตรและหลังคาแบนหรือตื้น
ยุครีเจนซี่ได้รับความสนใจอย่างมากในเรื่องของความคลาสสิคแบบกรีช ซึ่งได้รับความนิยมจาก “ลอร์ดไบรอน” ผู้สนับสนุนลัทธิชาตินิยมกรีก ความนิยมที่เกิดขึ้นในสไตล์กรีกนั้นไปไกลกว่าสถาปัตยกรรม รวมถึงการทาสี เฟอร์นิเจอร์ การตกแต่งภายใน และแม้กระทั่งการออกแบบเครื่องแต่งกาย
สถาปัตยกรรมสมัย “รีเจนซี่” มีสิ่งปลูกสร้างทางงานสถาปัตยกรรม สำคัญมากมาย ที่มีความโดดเด่น และความอลังการสุขุมไปด้วยเสน่ห์ของความคลาสสิค เป็นต้นแบบของผู้ดีอังกฤษ อันสะท้อนถึงความเจริญก้าวหน้าที่ช่วงนั้น เป็นต้นว่า
พระราชวังบัคคิงแฮม (Buckingham Palace) ในช่วงศตวรรษที่ 19 มีการขยายใหญ่ขึ้นโดยสถาปนิกเป็นหลัก จอห์นแนช และ เอ็ดเวิร์ดบลอร์ ผู้สร้างปีกสามปีกรอบลานกลาง การตกแต่งภายในดั้งเดิมจากต้นศตวรรษที่ 19 ส่วนใหญ่ยังเหลือรอดมาถึงปัจจุบัน ซึ่งรวมถึงการประดับประดาด้วยสคาจีวลาสีสันสดใสและลาพิซลาซูลี สีน้ำเงินและชมพูอย่างกว้างขวาง ตามคำแนะนำของ เซอร์ชาลส์ เลิง พระเจ้าเอ็ดเวิร์คที่เจ็ด ทรงกำกับการตกแต่งใหม่บางส่วนให้เป็นโทนสีแบบ เบลล์เอโปก สีครีมและทอง ห้องรับรองขนาดเล็กจำนวนมากนั้นตกแต่งด้วยรูปแบบรีเจนซี่ แบบจีน ด้วยเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งที่นำมาจากรอยยอลพาวิลเลียน ที่ ไบรทัน และจาก คาร์ลทันเฮาส์ในลอนดอน
พระราชวังบัคคิงแฮม (Buckingham Palace) คือต้นแบบสถาปัตยกรรมแนวรีเจนซี่ ในวงการสถาปัยกรรมของโลกและเป็น แลนด์มาร์คสำคัญในลอนดอน ที่เดี๋ยวนี้ยังเป็นสถานที่รองรับการจัดงานสำคัญทางการอังกฤษ,
เธียร์เตอร์ รอยัล เฮย์มาร์เก็ต (Theatre Royal Haymarket) โรงแสดงละคร สไตล์คลาสสิก หรูหราเด่นด้วยเสาสีขาว แบบคอรินเทียนขนาดใหญ่ ชานสร้างมาจาก หินโบราณ หน้าต่างมีลักษณะโค้งมนได้สัดส่วน และก็ยังเปิดโชว์การแสดงจนถึงทุกวันนี้
รีเจนท์สตรีท (Regent Street) ถนนหนทางสายสำคัญอันสวยงาม ที่ในขณะนี้เปลี่ยนเป็นแหล่งชอปปิงอันโด่งดัง เป็นผลจากการรังสรรค์สร้างผลงานด้านสถาปัตยกรรม ซึ่งสิ่งปลูกสร้างในยุคนี้ จะเน้นย้ำความโก้หรูตามอารยธรรมผู้ดีในอังกฤษ แต่ว่ายังคงไว้ซึ่งกลิ่นความอบอุ่น และก็สง่างาม ซึ่งสามารถพินิจได้จากการออกแบบ และก็ตกแต่งแบบเรียบหรูในโทนสีขาวตัดกับส่วนประกอบสีดำ ใช้หน้าต่างบานสูงเปิดรับแสงอรุณตอนเช้า โดยได้รับการออกแบบต่อเติมให้ยิ่งใหญ่ อลังการขึ้น จากสถาปนิกชื่อดัง “จอห์น แนช” (John Nash) ผู้ได้รับการขนานนามให้เป็นบิดาแห่งสถาปัตยกรรมรีเจนซี่
ลักษณะพิเศษของ Regency Architect
![บ้านสไตล์รีเจนซี่ที่จอห์น แนชออกแบบในปัจจุบัน](https://tonsilparchitect.com/wp-content/uploads/2021/09/Regency.Hanover-1.jpg)
ประตูทรง โค้งมน (Archway) แสดงถึง ความภูมิฐาน เพิ่มความเด่นสง่างามของตัวตึก โดยไล่ระดับ ฟาสาด (Facade) ให้ซับซ้อนงอนงาม ทรงประณีต แต่งตั้งการตกแต่งชักชวน คลั่งไคล้ด้วยงานหัตถกรรม เหล็กอันประณีตบรรจง และละเอียดลออ ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงทนทาน สะท้อนความตระการตา และก็ความประณีต ของเส้นสไตล์รีเจนซี่ รวมทั้ง ทรงที่โค้งมนสวยงาม ซึ่งได้รับความนิยมใช้กันอย่างมากมายในวงศ์สกุล กลุ่มของผู้คนชั้นสูง
![Regency villa](https://tonsilparchitect.com/wp-content/uploads/2021/09/regency-villa-1.gif)
Regency Terraces
เป็นครั้งแรกที่มีการใช้คำจำกัดความของคำ ว่า Regency Terrace นั่นคือในยุคก่อน บ้านหลายหลัง ซึ่งแต่ละหลังใช้กำแพงร่วมกับบ้านข้างๆ การออกแบบ Regency ที่มีลักษณะเฉพาะมากที่สุด และ อาคารในสมัยนั้นที่มีการออกแบบระเบียงสูงๆจำนวนมาก ถูกออกแบบโดย John Nash ระเบียงระดับตกแต่งด้วยเหล็กดัด ที่ละเอียดมาก ส่วนโค้งที่ละเอียดอ่อนจนดูเหมือนบอบบางเกินกว่าจะรองรับโครงสร้างได้ สัดส่วนยังคงเรียบง่าย โดยอาศัยเส้นสายคลาสสิกที่สะอาดตา
![ประตูแบบรีเจนซี่](https://tonsilparchitect.com/wp-content/uploads/2021/09/regency-doors-1.gif)
Regency Door
หน้าต่างสูงและบางหน้าต่างและประตู โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่อยู่ชั้นล่าง มักเป็นแบบกลม หน้าต่างโค้งคำนับเป็นที่นิยม และวิลล่าหลังเดี่ยวมักมีหน้าต่างสวนที่ยื่นลงไปที่พื้น
การออกแบบในสมัยที่มีความร่ำรวยนั้น ทำให้เกิดความเอาใจใส่กับส่วนประกอบ ตัวตึกที่มีความแข็งแรง คงทนตระการตาในทุกตารางนิ้ว สถาปัตยกรรมอันสวยงาม ของสมัยรีเจนซี่นี้ก็เลยเป็นศิลปะที่งามสง่าเหนือระยะเวลา
โดยสไตล์รีเจนซี่นี้เป็นช่วงปลาย ๆ ของสถาปัตยกรรมจอร์เจีย และนีโอคลาสสิก ซึ่งในปีก่อน ๆ ยังคงมีการผลิตผลงานสถาปัตยกรรมตลอดช่วงเวลาเหล่านี้ ในขณะยุคสมัยจอร์เจีย หรือยุคสมัยของกษัตริย์จอร์จแห่งอังกฤษที่ 1-4 (ซึ่งรวมไปถึงกษัตริย์ที่ 5) ในช่วงปี 1714 -1830 และยุคสมัยรีเจนซี่นี้ไม่ได้กินเวลาเพียงแค่ช่วงปี 1811-1820 เท่านั้น ที่จริงก่อนและหลังยุคนี้มีการใช้สถาปัตยกรรมอย่างกว้างขวางอยู่แล้ว
ต่อมาในช่วงสมัยของพระเจ้าวิลเลียมที่ 4 จากปี 1830 ถึง 1837 ยังไม่ได้มีการบอกเล่าสไตล์ที่เฉพาะเจาะจง ซึ่งสถาปัตยกรรมแบบรีเจนซี่มีความเด่นเป็นพิเศษโดยเฉพาะในบ้าน รวมทั้งยังมีการเพิ่มการใช้ต้นแบบการบูรณะที่มากมาย ตั้งแต่โกธิคไป จากภาษากรีก ไปจนกระทั่งภาษาอินเดีย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้เข้ามาแทนนีโอคลาสสิก (Neoclassical)
ในปี ค.ศ.1810 เป็นปีที่การออกแบบสไตล์รีเจนซี่ ได้ถูกลดระดับการก่อสร้างลงเป็นอย่างมาก เนื่องด้วยสงครามนาโปเลียนที่ทำให้รัฐบาลสูญเสียค่าใช้จ่ายสำหรับการก่อสร้างไปจำนวนมาก ทำให้ขาดแคลนไม้นำเข้า แล้วก็ปัญหาภาษีที่สูงสำหรับวัตถุอุปกรณ์สำหรับใช้ในการก่อสร้างอื่นๆกำเนิดวิกฤติการณ์ด้านการเงินที่รุนแรง
![clarence house](https://tonsilparchitect.com/wp-content/uploads/2021/09/clarence-house-1-1-1-1-700x348.jpg)
รูปแบบสถาปัตยกรรมรีเจนซี่ที่เป็นที่นิยมมากขึ้น ด้วยความคลาสสิกในตัวของสถาปัตยกรรมเอง การออกแบบดั้งเดิมของสถาปัตยกรรมกรีกและโรมัน บ้านของชนชั้นสูงหรือชนชั้นกลางของ Regency ทั่วไปสร้างด้วยอิฐและปิดทับด้วยปูนปั้นหรือปูนฉาบทาสี เสากรีกเซาะร่อง บัวที่ทาสีและหล่อขึ้นรูปอย่างปราณีตและการตกแต่งอื่นๆ ล้วนผลิตซ้ำด้วยปูนปั้นราคาถูก ส่วนใหญ่มักใช้สีภายนอกเป็นสีขาว ประดับด้วยปูนปั้น ด้านหน้าและทางเข้าประตูหน้าหลักที่มักใช้สีดำ หน้าบ้านมี มีระเบียง ต่อและ Crescents เป็นได้รับความนิยมเป็นพิเศษ เพิ่มความสง่างามด้วย เหล็กดัด ช่วงชองระเบียง และหน้าต่างโค้งเข้ามา เป็นส่วนหนึ่งของสไตล์นี้ ความสำคัญอีกอย่างในการออกแบบ้านสไตล์นี้ นั่น คือ “ความสง่างามที่ประณีต”
ในพื้นที่ ไกลออกไปนอกเมือง มักเป็นบ้านเดี่ยว “วิลล่า” ในแถบชานเมืองได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น ในขณะที่ที่อยู่อาศัยแบบจอร์เจียก่อนหน้านี้ส่วนใหญ่สำหรับชนชั้นกลาง แต่ในยุคสมัยรีเจนซี่ได้นำการอวดอ้างความร่ำรวย ของตนเองและวงค์ตระกูล ด้วยสถาปัตยกรรมของที่พักอาศัย ทำให้อาคารรูปลักษณ์นี้มีกันอย่างแพร่หลายออกไป ไม่ได้เป็นแค่การแสดงถึงสถานะทางสังคม แต่ยังคงความอบอุ่น คลาสสิค ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย