ได้มีโอกาสไปดูนิทรรศการแสดงภาพศิลปะของศิลปินระดับโลก FROM MONET TO KANDINSKY & ITALIAN RENAISSANCE
ที่โรงแรม the river city Bangkok สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการไปครั้งนี้ คือ
1.ศิลปินเหล่านี้ ทุกคนไม่ได้เก่งทุกเรื่องแต่เค้าเก่งและมีอัตลักษณ์ในตัวตนของเขาเองชัดเจน แต่ละคนแตกต่างกันออกไป
2.ศิลปะที่ยิ่งใหญ่ คือ “การปฎิวัติ เรื่องเดิมเสนอ” เพราะถ้าเรายังบอกว่า “ศิลปะคือการสร้างสรรค์” มากกว่า “การรักษา” ศิลปินมีชื่อเสียงหลายคนกว่าจะได้รับการยอมรับต้องผ่านความขัดแย้งและการโดนดูถูกมามากมาย หลายคนจบชีวิตไปในขณะที่งานของเขาไม่มีคุณค่าด้วยซ้ำไป
3.“The Scream” (เสียงกรีดร้องสุดสยองภายใต้ท้องฟ้าสีเพลิง) เป็นรูปที่ผมประทับใจและประหลายใจ เป็นผลงานสร้างชื่อของจิตรกรชาวนอร์เวย์นาม Edvard Munch จริงๆแล้วผมรู้จักรูปนี้ตั้งแต่เด็กแต่ไม่เคยซาบซึ้งและรับรู้ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของผลงานมาก่อน ส่วนตัวไม่ได้คิดว่ารูปนี้สวย แต่รู้สึกถึงอารมณ์ของศิลปินที่เสนอออกมา
4. อีกรูปที่ผมชอบคือ “the starry night” (ภาพราตรีประดับดาว) สีสันที่สดใสกับรอยทีแปรงที่สนุกสนานเมามันส์ของศิลปิน แวนโก๊ะ ชาวเน่เธอแลนด์ กว่ารูปจะโด่งดัง ก็เสียชีวิตซะก่อน ก่อนเสียชีวิต แวนโก๊ะได้มีอาการทางจิต ตัดใบหูตัวเอง พยายามฆ่าตัวตาย น่าเสียดายที่เขายังไม่ทันเห็นความโด่งดังของตัวเอง
5. “เราไม่ได้เรียนรู้ที่จะป็นจิตกร แต่เราเรียนรู้และยอมรับว่าศิลปะคือรสนิยมต่างหากหล่ะ”. ดีใจที่เห็นคนไทยเริ่มรักและมีความสุขกับการเสพงานศิลปะมากขึ้น เชื่อเถอะครับจะช่วยจรรโลงหัวใจของเราที่แข็งกร้าวให้อ่อนโยนได้มากมาย
ข้อแนะนำก่อนเข้าไปชมงานครั้งนี้
ผมแนะนำว่า
– อยากให้อ่านชีวประวัติ ความเป็นมาและลักษณะงานของศิลปินให้ครบทุกคนก่อนที่จะเข้าไปชมงานศิลปะในห้องจัดแสดง
-แนะนำว่าให้เข้าชมห้องเล็กก่อนจะย้ายไปชมห้องใหญ่ แม้เจ้าหน้าที่ข้างหน้าจะบอกเราว่าภาพที่แสดงทั้ง2 ห้องนั้นเหมือนกันก็ตาม
-แนะนำว่า ควรทอดกายกายของตัวท่านเอง อยู่ในการชมงานศิลปะอย่างน้อยๆ 2 ชั่วโมง คุณจะรู้สึกดีกว่าการเข้าสปาระดับ5ดาวแน่นอน
-แนะนำว่า ทิ้งเรื่องราว ปัญหาชีวิตของคุณไว้นอกห้องนิทรรศการ แล้วเอาตัวคุณพร้อมจิตวิญญาณโล่งๆดำดิ่งสู่เวทมนต์ของศิลป์
-งานนี้ยังจัดแสดงต่อเนื่องไปจนถึงเดือน ถึง วันที่ 31 Oct 2019