หากใครที่นึกถึงสวนสไตล์ยุโรป คงจะนึกถึงแบบสวนชวนฝัน เหมือนดั่งในดินแดนเทพนิยาย มีต้นไม้ มีน้ำพุ รายล้อมไปด้วยธรรมชาติ อากาศเย็นสบาย แต่แท้จริงแล้วสวนยุโรปนั้นเป็นอย่างไร?
สวนยุโรปนั้นคือการผสมผสานระหว่างสวนอิตาลีและสวนอังกฤษเข้าด้วยกัน ให้เกิดเป็นสวนยุโรปที่ดูงามตา เอกลักษณ์ของสวนอังกฤษ จะเป็นเรื่องของการออกแบบสวน ที่เน้นความงามตา ธรรมชาติดูเรียบง่าย สีสันสวยงามอ่อนหวาน ปลูกไม้ดอกสีสันผสมผสานไปกับสนามหญ้า จัดตกแต่งต้นไม้ให้เข้ารูป ทำให้เห็นจุดเด่นของสวนได้ชัดเจน สวนแบบอังกฤษจะให้ความสำคัญกับภูมิทัศน์โดยรอบอย่างมาก เน้นรูปทรงของต้นไม้มีการจัดตกแต่งอย่างเป็นระเบียบ ส่วนสวนอิตาลีจะใช้ประติมากรรมประดับสวน จะมีต้นไม้เพื่อประดับบ้างแต่ไม่มาก เป็นลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของสวนแบบอิตาลี
หากพูดถึงสวนสไตล์ยุโรปที่สวย เรียบหรู ในบ้านเรานั้น คงจะหาได้ยาก เพราะต้องใช้ความละเอียดเรื่องการออกแบบ การเลือกพรรณไม้นานาชนิด แถมฟังก์ชันการใช้งานยังต้องละเอียดถี่ถ้วนอีก นอกจากนี้การจัดสวนสไตล์ยุโรปในเมืองร้อนอย่างบ้านเรา ไม่สามารถใช้พรรณไม้อย่างยุโรปได้ เราจึงต้องเน้นการสร้างบรรยากาศให้เหมือนสวนสไตล์ยุโรปแทน โดยการนำไม้ไทยหลากหลายชนิดเข้ามาตกแต่ง และผสมผสานกับไอเดียจัดสวนสไตล์ยุโรป เพื่อให้เข้ากับอากาศของเมืองร้อน แต่ยังคงรักษากลิ่นอายของสวนสไตล์ยุโรปได้แบบสมบูรณ์ ยกตัวอย่างเช่น ไทรเกาหลี, สนมังกร, สนฉัตรต้นหลิว ซึ่งเหล่านี้เป็นไม้ใหญ่ เป็นต้น พรรณไม้ข้างต้นที่ได้กล่าวมานั้นเราสามารถเอามาแต่งเป็นสวนแบบฟอร์มัล (Formal) ได้อีกด้วย
แต่ก็มีดอกไม้บางชนิดที่สามารถปลูกในอากาศแบบบ้านเราได้ เช่น หญ้าแมกซิกัน , กุหลาบเลื้อน(กุหลาบอังกฤษ), เดซี่, มากาเร็ต, คัตเตอร์ ดอกไม้ไทยทรงยุโรป เช่น เทียนหยด, ดาวประดับฟ้า
โดยมีหลักการของ Landscape
1. Soft scape คือ ต้นไม้
2. Hard scape คือ ทางเดิน , น้ำพุ , งานสถาปัตยกรรมที่นั่ง
รูปแบบการจัดสวนสไตล์ยุโรปของเรานั้น แบ่งเป็น 2 รูปแบบ
1. สวนแบบชนบท (Cottage Garden) เป็นสวนที่ออกแบบโดยจัดวางพรรณไม้เป็นกลุ่มๆ เรียงลำดับกันให้ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด
2. สวนแบบทางการ (Formal Garden) เป็นสวนที่ออกแบบโดยนำพรรณไม้มาตัดแต่งเป็นรูปทรงเรขาคณิต ไม่ว่าจะเป็น รูปทรงสี่เหลี่ยม สามเหลี่ยม วงกลม และมีจุดเด่นเป็นแกนกลางของสวนเพื่อดึงดูดสายตา เรามักจะพบเห็นสวนแบบนี้ตามสวนสาธารณะเวลาไปเที่ยวโซนยุโรป
ข้อคำนึงในการสร้างสวนให้มีบรรยากาศให้เหมือนสวนสไตล์ยุโรป โดยการเลือกดอกไม้ที่จะมาประดับสวน เลือกเฉพาะพรรณไม้ที่มีใบละเอียด เช่น ดาวประดับฟ้า สนหอม หลิวแคระ และสนออสเตรเลีย เพื่อให้สามารถแต่งรูปทรงของสวนได้ง่าย ๆ ซึ่งอีกเทคนิคหนึ่ง คือ การคิดธีมสี เมื่อได้ธีมสีแล้วจะช่วยให้การเลือกสีของดอกไม้ง่ายขึ้น และเห็นภาพสวนชัดเจน ส่วนดอกไม้ที่เลือกใช้เน้นแนวหวานสวยละมุน และที่สำคัญการหาซื้อดอกไม้ ควรจะหาซื้อง่ายตามตลาดต้นไม้ทั่วไป เช่น พยับหมอก ไฮเดรนเยีย และยี่โถแคระ เพื่อให้ใช้เวลาการออกแบบสวนไม่นาน และเวลาการลงต้นไม้ไม่นาน แต่ก็ยังมีเรื่องที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ อย่างเรื่องการลงต้นไม้ใหญ่ เนื่องจากช่วงของลำต้นไม้ใหญ่ต้องระวังระยะบริเวณของสวน ที่จะไม่กระทบกับสวนอื่นที่ออกแบบไว้แล้ว ทั้งยังต้องคำนึงถึงอนาคตด้วยว่ากิ่งไม้จะมีผลกระทบกับสายไฟหรือไม่ ดังนั้น จึงต้องเตรียมการให้พร้อม รวมถึงการดูแลรักษาด้วย
หากผู้ที่ชื่นชอบสวนสไตล์ยุโรปได้อ่านบทความนี้แล้ว คงทราบแล้วว่าแท้จริงแล้วสวนสไตล์นี้จัดไม่ยากอย่างที่หลายคนกังวล แถมยังดูแลได้ง่ายมากอีกด้วย
การออกแบบสวนแบบทรงไทยให้เหมือนสวนยุโรป
การตกแต่งสวนสไตล์ยุโรป ควรเลือกใช้พรรณไม้ประเทศไทยที่มีความสูงระดับกลาง เพื่อให้กลมกลืน เน้นเรื่องการดูแลง่าย และดูโดดเด่น
สวนสไตล์ยุโรป คือ ในสวนต้องมีจุดนำสายตา และไม้พุ่มที่ตกแต่งเป็น รูปทรงแบบฟอร์มัล (Formal)
สวนแบบฟอร์มัล (Formal) ลักษณะนี้เหมาะกับสถานที่ที่มีเนื้อที่มากประกอบอาคาร เช่น ปราสาท พระราชวัง วัด สถานที่ทำการ หรืออาจไม่มีอาคาร เป็นลักษณะเปิดโล่ง เช่น สวนสาธารณะ จัตุรัสกลางเมืองก็ได้ สวนประเภทนี้จะคำนึงถึงแบบแปลนเป็นสำคัญ การจัดวางแปลนจะจัดวางเป็นลักษณะสมดุล สร้างความสง่างามให้กับอาคารและสถานที่ เป็นที่นิยมกันมากในประเทศแถบยุโรป
การเลือกเก้าอี้ในสวน นอกจากเก้าอี้จะใช้นั่งพักผ่อนแล้ว ยังเป็นเครื่องประดับสวนสไตล์ยุโรปที่มีสำคัญมากเช่นกัน ทางเดินรอบสวนปูด้วยคอบเบิลสโตนที่นิยมใช้ปูพื้นบนถนนที่ยุโรป ซึ่งถือเป็นองค์ประกอบและวัสดุที่ขาดไม่ได้ ส่วนของตกแต่งต่าง ๆ เน้นโทนสีเข้ม เพื่อให้ตัดกับบริเวณรอบ ๆ สวน สร้างความรู้สึกให้ดูกลมกลืนต่อเนื่องเป็นพื้นที่เดียวกันภายในสวน ส่วนของพื้นต้องหาปูด้วยหิน Cubic stone สีเข้มสลับกับปูหญ้าเพื่อคงคอนเซ็ปต์สวนแบบฟอร์มัล และสามารถให้เป็นสวนสไตล์วินเทจที่ให้กลิ่นอายความเป็นยุโรปนิด ๆ ร่มรื่น สวยงาม และเรียบง่าย Hard scap เช่น ทางเดิน , น้ำพุ , gazebo
ต้นไม้ที่เลือกนำมาปลูกในสวนแห่งนี้เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก สามารถตัดแต่งให้มีรูปทรงตามต้องการแทรกด้วยไทรเกาหลีสูงใหญ่ ทำให้พื้นที่ดูสวยงามมีมิติยิ่งขึ้นนอกจากต้นไม้แล้วควรมีกรวดหินรอบ ๆ เพิ่มความสวยงาม และเป็นธรรมชาติมากยิ่งขี้น
การจัดสวนหน้าบ้านสไตล์ยุโรป สวยงามสำหรับบ้านพื้นที่น้อย Cottage Garden
การจัดสวนหน้าบ้านสไตล์ชนบทให้เสมือนสวนในยุโรป ถือเป็นปัญหายากอยู่ระดับหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะสภาพภูมิอากาศ ที่แตกต่างกัน แต่เราสามารถสร้างสวนคอตเทจแบบไทยๆ ได้ ด้วยหลากหลายพรรณไม้ที่เลี้ยงดูง่ายให้บรรยากาศไม่ต่างจากสวนคอตเทจแบบในนิทาน
พรรณไม้ที่ใช้ปลูกประดับตกแต่งสำหรับสวนคอตเทจที่มีพื้นน้อยนั้น ล้วนแล้วแต่ดูแลง่าย บางพรรณไม้เป็นไม้พื้นเมือง ขึ้นเองตามฤดูกาลบ้าง และยังสามารถปลูกผักสวนครัวผสมกับไม้ดอก ทำให้กลมกลืนไปตามธรรมชาติได้อีกด้วย การจัดสวนหน้าบ้านสไตล์คอตเทจต้องจัดให้ดูเป็นธรรมชาติไร้แบบแผน พันธุ์พืชที่ปลูกในสวนส่วนใหญ่จึงเป็นไม้ใบเรียวเล็กทรงเป็นพุ่มไม้มีดอกสดใส รวมทั้งออกดอกสลับกันทั้งปีหรือจะเป็นไม้ใบสวยงามก็นำมาปลูกสลับกันได้ เช่น ปริกเฟิร์นบอสตันแคระ เล็บครุฑ หญ้าถอดปล้อง
ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับการออกแบบรูปร่างของสวนด้วย หากพื้นที่แคบมาก ๆ ก็ไม่เหมาะจะปลูกต้นไม้ขนาดใหญ่ในสวนคอตเทจ พันธุ์พืชดอกที่ปลูกได้ในประเทศไทยแต่ให้ความสวยงามเหมือนไม้ยุโรป โดยมีดังนี้
1. ซัลเวีย มีหลายสายพันธุ์ มีความสูงตั้งแต่ 20-30 เซนติมตร และสายพันธุ์ต้นสูงจะสูง 60-100 เซนติมตร ดอกมีหลายสี อย่างสีม่วง สีแดง สีชมพู เป็นพืชดอกที่ต้องการน้ำระดับปานกลาง ต้องการแสงตลอดวันและชอบอากาศเย็น
2. ดาห์ลเบิร์กเดซี่ ลักษณะใบคล้ายใบผักที่ออกดอกที่ปลอยยอดต้นสูง 15-20 เซนติมตร เหมาะที่จะปลูกในกระถางแขวนชอบน้ำมากมายต้องการแสงทั้งวัน
3. ต้นบลูฮาวาย คงทนอยู่นานมีอายุหลายปี ขนาดพุ่มสูง 30-60 เซนติเมตร ชอบแสงตลอดวันต้องการน้ำมาก ดอกสีม่วงจะมีดอกได้ทั้งปี เหมาะที่จะปลูกในที่กลางแจ้ง ดอกเดี่ยวออกเป็นกระจุกตามปลายยอด เส้นผ่านศูนย์กลางดอก 2.5 เซนติเมตร ดอกสีม่วงอมน้ำเงินกลางดอกสีขาว โคนกลีบเชื่อมติดกันเป็นหลอดแคบ ปลายแยกเป็นกลีบค่อนข้างกลม 2 กลีบ ออกดอกตลอดปี เหมาะสำหรับใช้เป็นไม้กระถาง หรือปลูกลงแปลงเพื่อจัดสวน เมื่อขยี้ใบจะมีกลิ่นหอมคล้ายกลิ่นใบสน
4. พยับเมฆ หรือหญ้าหนวดแมว จัดเป็นไม้ล้มลุกทรงพุ่ม สูง 30-60 เซนติเมตร ดอกออกเป็นช่อคล้ายฉัตร ช่อดอกยาว 10-20 เซนติเมตร ดอกรูปปาก ขนาด 1-1.5 เซนติเมตร โคนกลีบเป็นหลอด ปลายแยก 2 กลีบ เกสรเพศผู้เป็นเส้นยาว 3-4 เส้น ออกรอบช่อดอก คล้ายหนวดแมว กลีบดอกมีสีขาว , ชมพู และฟ้าอมม่วง ใบรูปไข่ปลายแหลมขอบหยักฟันเลื่อยลึก ปลูกเป็นไม้ประดับแปลง สรรพคุณทางสมุนไพรใช้ทั้งต้นตากแห้งชงดื่มคล้ายชา เป็นยาขับปัสสาวะ แก้โรคนิ่ว โรคไต แก้ปวดหลังปวดเอว
5. ดอกผกากรอง เป็นพืชสมุนไพร ดอกมีกลิ่นหอมฉุนรูปทรงเป็นกระจุกคล้ายร่ม เลี้ยงดูง่ายออกดอกทั้งปี เป็นไม้พุ่มกึ่งเลื้อยชอบน้ำน้อยแสงมาก
6. ดอกกุหลาบเลื้อย เหมาะสำหรับที่จะปลูกประดับซุ้มเลื้อยหรือปลูกเป็นแนวริ้ว แม้จะมีหนามแหลม แต่ก็มีเสน่ห์เพราะสีส้นที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นสีขาว , สีชมพู , สีแดง และสีเหลือง รวมทั้งยังมีกลิ่นหอมถูกใจแดดทั้งวัน ต้องการน้ำมากและชอบอากาศเย็น
7. ดอกบานไม่รู้โรย เป็นไม้ล้มลุก มีดอกหลากหลายสี ทั้งม่วงขาว และชมพูแดง ซึ่งเป็นที่คุ้นเคยของคนไทยเลยก็ว่าได้ เลี้ยงง่าย ทนแดดแรงได้ ออกดอกตลอดปีและยังเป็นสมุนไพรไทยอีกต่างหาก
8. ดอกแววมยุรา แม้อายุจะสั้น แต่รูปดอกที่ดูสดใสแต่ละกลีบจะมีสีเหลือง , สีขาวเหลือบ , ม่วง , สีขาวเหลือบ และสีชมพู ทำให้เป็นดอกไม้ที่นิยมปลูกในกระถางห้อยทรงพุ่มสูง 10-15 เซนติเมตร ชอบน้ำมากๆ และต้องการแสงทั้งวัน
9. ดอกเบญจมาศ ชอบอากาศเย็น , น้ำมาก และแสงมาก อายุคงทนดอกมีกลิ่นหอมฉุน แถมยังมีสีสันหลากหลายทั้งขาว , ชมพู , ม่วง และเหลืองอีกด้วย